พล.ต.ต.ชูชัย ขุนคลังมีวน ผบก.ภ.จว.พะเยา กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุกฤษณ์ คำเวียงสา รอง ผกก.สส.พะเยา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการล่อซื้อและจับกุมตัว น.ส.ปรียาดา หอมนาน อยู่บ้านเลขที่ 35/2 หมู่ 15 ต.ต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา  ที่ได้นำเด็กหญิง ก. ,ด.ญ. ข. อายุ  16 ปี ชาว อ.เมือง จ.พะเยา และ ด.ญ. ป. อายุ 19 ปี อ.วังเหนือ จ.ลำปาง มาส่งให้ลูกค้าเพื่อขายบริการทางเพศ

ทั้งนี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมาที่โรงแรมวาเลนไทน์ เลขที่ 14 หมู่ 5 ต.ท่าวังทอง อ.เมือง ห้องวีไอพี. 1,2 และ 3  ซึ่งน.ส.ปรียาดา ให้การรับสารภาพว่าได้เป็นธุระจัดหาเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี เพื่อการค้าประเวณี โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีนั้นจริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งมีรายได้จากการจัดหาคิดค่าบริการจากเด็กสาวเปิดบริสุทธิ์ครั้งแรก 1,000 บาท และรายทั่วไป ครั้งละ 500 บาท

เจ้าหน้าที่ได้ทราบพฤติกรรมของ น.ส.ปรียาดา ว่า ชักชวนเด็กสาวและเยาวชนหญิงมาค้าประเวณี โดยทำหน้าที่เป็นธุระจัดหาแนะนำเด็กให้กับผู้ชายที่ต้องการซื้อบริการทางเพศ ผ่านทางโทรศัพท์ สายของเจ้าหน้าที่จึงได้โทรฯติดต่อ น.ส.ปรียาดา ให้จัดหาหญิงหรือเด็กมาให้ โดย น.ส.ปรียาดา แจ้งว่าสามารถจัดหาหญิงหรือเด็กหญิงอายุไม่เกิน 18 ปี มาให้บริการทางเพศแก่ผู้ติดต่อ โดยคิดค่าบริการคนละ 1,500 บาท ถ้าเปิดขายบริการครั้งแรกคิดค่าบริการ 4,000 บาท

ต่อมา น.ส.ปรียาดา นำเด็กหญิงมาให้บริการจำนวน 3 คน เมื่อ น.ส.ปรียาดา มาถึงที่นัดหมายและนำเด็กหญิงส่งให้สายของเจ้าหน้าที่ตามห้องพักที่นัดหมาย ไว้ สายฯจึงนำเงิน 7,000 บาท มอบให้น.ส.ปรียาดา หลังจาก น.ส.ปรียาดา รับเงินแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดักซุ่มอยู่จึงออกมาแสดงตัวขอดำเนินการจับกุม น.ส.ปรียาดา พร้อมเงินสดของกลาง จำนวน 7,000 บาท และ และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง

เจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.ปรียาดา พร้อมของกลาง ส่งมอบให้ พ.ต.ท.ชญาณ์นนท์ อุ่นแก้ว พงส.ผนพ.สภ.เมืองพะเยา ดำเนินคดีในข้อหา “กระทำการค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณี ซึ่งกระทำต่อบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี และเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป เพื่อค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

แหล่งข่าวจาก posttoday…

องค์การการค้าโลกได้กำหนดแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการมาตรฐานให้ประเทศสมาชิกใช้มาตรฐานสากล หรือปรับมาตรฐานของประเทศให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงให้มีการยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองซึ่งกันและกันผ่านกระบวนการรับรองระบบงาน ทำให้บทบาทในการค้าและเศรษฐกิจของไทยจำเป็นต้องก้าวสู่เรื่องการมาตรฐานยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกันขององค์การระหว่างประเทศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ สัมมนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวเข้าสู่ตลาดเดียวของ AEC ซึ่งยึดแนวปฏิบัติขององค์การการค้าโลกเช่นกัน

สมอ. ได้เล็งเห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงเห็นควรจัดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก โดยการผลักดันให้อุตสาหกรรมผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล รวมทั้งมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สัมมนาโดยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมมีการพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกประเทศ ทั้งการส่งออกสินค้า การลงทุน และการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศอย่างมาก จึงมีความอ่อนไหวต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยแวดล้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การขยายตัวทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับปัจจัยการผลิตดั้งเดิมโดยเฉพาะทุน และแรงงานที่มีผลิตภาพการผลิตต่ำเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

โดยเฉพาะในระบบการค้าเสรีที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ดังนั้นการสัมมนาปรับปรุงผลิตภาพในด้านคุณภาพสินค้า และระบบการบริหารจัดการจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก ทำให้บทบาทและความสำคัญของเรื่องมาตรฐาน และการตรวจสอบรับรองจึงทวีความสำคัญ และนำมาใช้ในการลดอุปสรรคทางการค้าและสร้างการยอมรับแก่ประเทศคู่ค้า ขณะเดียวกันตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคภายในประเทศ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ สร้างภาพลักษณ์ที่ดีน่าเชื่อถือ