วันนี้(20 ส.ค.)บรรยากาศการจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้เพื่อนำไปไหว้บรรพบุรุษตามประเพณีสา ทจีน ภายในตลาดสดแม่กิมเฮง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมาเป็นไปด้วยความเหงียบเหงา เนื่องจากของเซ่นไหว้ อาทิ หมู เป็ด ไก่ ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง ทุกชนิดปรับตัวสูงขึ้นจากราคาปกติถึง 10 – 20 บาท เช่น ส้มแมนดารีน กิโลกรัมละ 150 บาท จากเดิมราคากิโลกรัมละ 130 บาท บาท องุ่นม่วงจากเดิมราคากิโลกรัมละ 320 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 350 บาท กล้วยหอม จากเดิมหวีละ 110 บาท ก็ได้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 130 บาท แก้วมังกร กิโลกรัมละ 60 บาท ก็ปรับขึ้นเป็นกิโลกระมละ 75-80 บาท

นาง แจ๋ว ทองสาย แม่ค้าขายผลไม้ภายในตลาดแม่กิมเฮง ในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า ราคาผลไม้ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้วถึง 10-20 บาท โดยเฉพาะกล้วย หอมที่ได้มีการปรับตัวสูงถึงถึงหวีละ 20-30 บาท เนื่องจากในหลายพื้นที่ที่ปลูกกล้วยได้ถูกน้ำท่วม จึงทำให้กล้วยที่ออกสู่ท้องตลาดมีไม่เพียงพอ เนื่องจากราคาขายส่งได้มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่จำเป็นที่จะต้องมีการปรับขึ้นราคาเพียงเล็กน้อย เนื่องจากจะต้องรักษาลูกค้าเก่าไว้ ขณะที่คนไทยเชื้อสายจีนที่มาเลือกซื้อก็ได้มีการปรับตัว โดยการลดปริมาณในการซื้อ จากเดิมที่เคยซื้อครั้งละ 5 กิโลกรัม ก็ลดเหลือแค่ 2-3 กิโลกรัม และประเภทของผลไม้ก็ลวดลงเช่นกัน นางแจ๋งฯกล่าว

ขณะ ที่ร้านไก่ต้ม เป็ดพะโล้ และหมูบะแซ ก็ได้มีการปรับราคาขึ้น จากเดิมถึงอย่างละ 10-30 บาท ไก่ต้ม จากเดิมราคากิโลกรัมละ 170 บาท ปรับขึ้นเป็น 180 บาท และเป็ดพะโล้ ราคากิโลกรัมละ 250 บาท ปรับขึ้นเป็น 280 บาท หมูบะแซ จากเดิมชิ้นละ 170 บาท ก็ได้ปรับขึ้นเป็น 180 บาท ส่วนราคาสินค้าเครื่องเซ่นไหว้ประเภทกระดาษเงินกระดาษทอง รถกระดาษ ธูป และเทียน ราคาสินค้ายังคงเท่ากับปีที่ผ่านมา

ด้านนางวงเดือน เครือเทพ แม่ค้าขายไก่ต้มและเป็ดพะโล้ ภายในตลาดแม่กิมเฮงในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาไก่ต้ม เป็ดพะโล้ และหมู มีการปรับขึ้นราคา เนื่องราคาไก่สด เป็ดสด และหมู สดได้มีการปรับขึ้นราคา ถึงอย่างละ 20-30 บาท อีกทั้งราคาวัตถุดิบในการต้ม อาทิ  เครื่องเทศ ก็ได้มีการปรับตัวที่สูงขึ้นทำให้ต้องแบกรับภาระเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ เพิ่มขึ้น เนื่องจากจะต้องจำหน่ายอยู่ที่ราคาเดิมในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา เพื่อรักษาลูกค้าขาประจำ

ส่วนลูกค้าที่มีเลือกซื้อเครื่องไหว้ ตั้งแต่ช่วงเช้าจนบ่าย ยังคงมีจำนวนบางตาไม่คึกคักเหมือนเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นผลกระทบสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ราคาสินค้าได้มีการ ปรับตัวที่สูงขึ้น

แหล่งข่าวจาก posttoday…

ปัจจุบันขนมไทยสอดแทรกอย่างกลมกลืน เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประจำชาติ มีบทบาทสำคัญในพิธีการต่างๆไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือประเพณีที่สำคัญอันสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละชุมชนได้เป็น อย่างดี นอกจากนั้นเตาทำขนมไทยยังแอบซ่อนความหมายอันเป็นมงคลไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่งงาน ก็จะมีขนมไทยความหมายดีๆประกอบอยู่ในพิธีอย่างขาดเสียไม่ได้ ขนมไทยที่ใช้ในงานประเพณีและศาสนา ขนมไทยในกลุ่มนี้จะสอดแทรกอยู่ในงานประเพณีต่างๆรวมถึงงานบุญทางศาสนาด้วย ตัวอย่างเช่น ในประเพณีปีใหม่ของไทย นอกจากมีการทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัวแล้ว คนไทยในสมัยโบราณนิยมเตาทำขนมกาละแมร์และข้าวเหนียวแดงเพื่อถวายพระและแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านอีกด้วย

นอกจากนั้นในช่วงวันสารทไทยก็มักจะนิยมทำขนมกระยาสารทเพื่อทำบุญรำลึกถึงบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะตักบาตรด้วยกระยาสารทที่ตัดเป็นชิ้นๆแล้วห่อด้วยใบตองคู่กับกล้วยไข่เป็นของแกล้มกัน ส่วนขนมไทยที่ใช้กับงานมงคลต่างๆมักจะมีขนมไทยความหมายดีๆประกอบอยู่ในพิธีอย่างขาดเสียมิได้ ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ โดยงานมงคลเหล่านี้มักจะมีการทำบุญเลี้ยงพระ ตัวอย่างขนมไทยที่ใช้ในงานมงคลได้แก่ ขนมชั้น เม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู ขนมปุยฝ้าย เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเตาทำขนมที่มีคำว่าทองทั้งหลาย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองเอก ทองพลุ เพื่อมีความหมายนัยว่าเงินทองจะได้ไหลมาเทมา

เตาทำขนมส่วนเม็ดขนุนก็สื่อถึงการทำภารกิจใดๆ ก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี มีคนช่วยเหลือสนับสนุนให้งานสำเร็จ ขนมถ้วยฟู / ปุยฝ้ายสื่อถึงความเฟื่องฟู ส่วนในงานฉลองเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งก็มักจะมีขนมจ่ามงกุฏเพื่อสื่อถึงยศตำแหน่งที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น เนื่องจากขนมไทยเป็นของหวานที่นิยมทำและรับประทานกันในประเทศไทย สะท้อนถึงเอกลัษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติ โดยแสดงถึงความละเอียดอ่อน ความพิถีพิถัน และความปราณีตตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบจนถึงขึ้นตอนการทำอย่างกลมกลืนของศาสตร์และศิลป์ ส่งผลให้ขนมไทยโดดเด่นในด้านรสชาติที่อร่อยหอมหวาน สีสัน รูปลักษณ์ สวยงาม ชวนน่ารับประทาน เป็นที่ต้องตาต้องลิ้นแก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ