ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณของฟองสบู่ในภาคอสังหาฯ ซึ่งการจะออกมาตรการมาคุมอาจทำให้ภาคอสังหาฯชะงักได้ โดยเฉพาะในส่วนของบ้านหลังแรก ส่วนบ้านหลังที่ 2 นั้นจะคุมหรือไม่คุมก็ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าปัจจุบันนี้มีความจำเป็นเผื่อกรณีฉุกเฉิน จึงไม่ควรเข้มงวดเกินไป อย่างไรก็ตามบ้านหลังที่ 3 เป็นต้นไป ควรจะมีควรเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตทั้งการเก็งกำไรและฟองสบู่ แต่ต้องกำหนดคำนิยามของบ้านหลังแรกให้ชัดเจนเหมือนในต่างประเทศ ซึ่งบ้านหลังแรกคอนโดสุขุมวิทอาจไม่ใช่บ้านหลังแรกในชีวิต โดยอาจมีการกำหนดช่วงเวลาการซื้ออสังหาฯ ภายใน 5-10 ปีก็ได้ สำหรับมาตรการเพิ่มเงินดาวน์เป็นเพียงการคุมที่ปลายเหตุ จริงแล้วต้องคุมที่ต้นเหตุด้วย
โดยเฉพาะการปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการของแบงก์ เพราะที่น่าเป็นห่วงคือการเปิดโครงการในต่างจังหวัดมากและเร็วเกินไป ทั้งๆที่ระบบขนส่งมวลชนยังไปไม่ถึง โดยบางโครงการที่เปิดตัวปีจนถึงขณะนี้ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกิดการแย่งผู้รับเหมาและแรงงานขาดแคลนด้วย จึงต้องจับตาว่าในปีนี้จะมีโครงการที่สร้างไม่เสร็จและเลื่อนไปปีหน้ามากน้อยแค่ไหน หรือมีการทิ้งใบจองหรือเงินดาวน์หรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาฟองสบู่ แต่หากผู้ประกอบการยังเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง
ขณะที่มีความเสี่ยงต่างๆเกิดขึ้น ทั้งเศรษฐกิจแย่ลง เงินบาทแข็งค่า ส่งออกลดลง ก็อาจจะเห็นการทิ้งโครงการหรือสร้างไม่เสร็จเกิดขึ้น โดยพบว่าอสังหาฯทุกประเภทเปิดตัวใหม่อย่างคึกคัก โดยราคาที่ดินแพงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาซื้อขายสูงเกินราคาประเมินไปมาก ที่ดินย่านกลางๆ สุขุมวิทราคาตารางวาละ 1 ล้านบาท ขณะนี้ขยายมาถึงต้นซอยสุขุมวิทแล้ว แต่ผู้ประกอบการก็แข่งกันเปิดตามแนวรถไฟฟ้าอยู่ดี เพราะมองว่ายังมีกำลังซื้ออีกมาก ทางศูนย์อสังหาฯ ได้เตือนผู้ประกอบการไปแล้วว่าอย่าเร่งเปิดโครงการมากเกินไป แต่ในกทม.ไม่น่าห่วงเท่าต่างจังหวัด เพราะมีโอกาสที่จะขายได้ทั้งอยู่จริงหรือซื้อลงทุนและเก็งกำไร Click Here!!!